เมนู

ตถาคต ในอรรถว่าทรงเห็นอารมณ์ที่แท้จริง



พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ตถาคต เพราะทรงเห็นอารมณ์
ที่แท้จริง เป็นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้ทรงเห็นโดยประการทั้งปวง ซึ่งอารมณ์อัน
ชื่อว่ารูปารมณ์ ที่มาปรากฏทางจักขุทวารของหมู่สัตว์พร้อมทั้งเทวดาและ
มนุษย์ในโลกนี้กับเทวโลก คือของสัตว์ทั้งหลายอันหาประมาณมิได้. และ
อารมณ์นั้นอันพระองค์ผู้ทรงรู้ทรงเห็นอยู่อย่างนี้ ทรงจำแนกด้วยสามารถ
อิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์เป็นต้น หรือด้วยสามารถ. บทที่ได้ในอารมณ์
ที่ได้เห็น ที่ได้ยิน ที่ได้ทราบ และที่ได้รู้ 13 วาระบ้าง 52 นัยบ้าง
มีชื่อมากมายโดยนัยเป็นต้นว่า รูป คือรูปายตนะ เป็นไฉน ? คือรูปใด
อาศัยมหาภูตรูป 4 เป็นแสงสี เป็นรูปที่เห็นได้ เป็นรูปที่กระทบได้ เป็น
รูปสีเขียว เป็นรูปสีเหลือง ดังนี้ ย่อมเป็นอารมณ์ที่แท้จริงอย่างเดียว ไม่
มีแปรผัน, แม้ในอารมณ์มีเสียงเป็นต้น ที่มาปรากฏแม้ทางโสตทวารเป็น
ต้น ก็นัยนี้. ข้อนี้สมด้วยพระบาลีที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า :- ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย อารมณ์ใดที่โลกพร้อมทั้งเทวดา พร้อมทั้งมาร พร้อมทั้ง
พรหม พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ได้เห็น ได้ยิน
ได้ทราบ ได้รู้ ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ค้นคว้าแล้วด้วยใจ เราย่อมรู้ซึ่ง
อารมณ์นั้น รู้ยิ่งแล้วซึ่งอารมณ์นั้น อารมณ์นั้นตถาคตทราบแล้ว ปรากฏ
แล้วแก่ตถาคตดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ตถาคต เพราะ
ทรงเห็นอารมณ์ที่แท้จริง เป็นอย่างนี้. พึงทราบความสำเร็จ บทว่า
ตถาคต มีเนื้อความว่า ทรงเห็นอารมณ์ที่แท้จริง นั้น.

ตถาคตในอรรถว่ามีพระวาจาที่แท้จริง



พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ตถาคต เพราะมีพระวาจาที่แท้
จริง เป็นอย่างไร ?
ตลอดราตรีใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งบนอปราชิตบัลลังก์ ณ
โพธิมณฑลสถาน ทรงย่ำยีมารทั้ง 4 แล้ว ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ
ญาณ และตลอดราตรีใดที่พระองค์เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน
ธาตุ ในระหว่างไม้สาละทั้งคู่ ในระหว่างนี้ คือในกาลประมาณ 45
พรรษา พระวาจาใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในปฐมโพธิกาลก็ดี ใน
มัชฌิมโพธิกาลก็ดี ในปัจฉิมโพธิกาลก็ดี คือสุตตะ เคยยะ ฯลฯ เวทัลละ,
พระวาจานั้นทั้งหมด อันใคร ๆ ติเตียนไม่ได้ ไม่ขาด ไม่เกิน โดยอรรถะ
และโดยพยัญชนะ บริบูรณ์โดยอาการทั้งปวง บรรเทาความเมา คือ ราคะ
โทสะ โมหะ, ในพระวาจานั้นไม่มีความพลั้งพลาดแม้เพียงปลายขนทราย
พระวาจานั้นทั้งหมด ย่อมแท้จริงอย่างเดียว ไม่ผันแปร ไม่กลายเป็น
อย่างอื่น ดุจประทับไว้ด้วยตราอันเดียวกัน ดุจตวงไว้ด้วยทะนานใบเดียว
กัน และดุจชั่งไว้ด้วยตาชั่งอันเดียวกัน. ด้วยเหตุนั้นจึงตรัสว่า :- ดูก่อน
จุนทะ ตลอดราตรีใดที่ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และตลอด
ราตรีใดปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ในระหว่างนี้ คำใดที่
ตถาคตกล่าว พูด แสดง คำนั้นทั้งหมด ย่อมเป็นคำแท้อย่างเดียว ไม่
เป็นอย่างอื่น เหตุนั้นจึงได้นามว่า ตถาคต ดังนี้ ก็ในที่นี้ ศัพท์ คต
มีเนื้อความเท่า คท แปลว่า คำพูด. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า
ตถาคต เพราะมีพระวาจาแท้จริง เป็นอย่างนี้.